ที่มา : บทความนี้นำมากจาก http://alittleparfait.wordpress.com/
มาต่อกันดีกว่า กับ part การเขียน
part นี้จุฬาไม่ใช้ ธรรมศาสตร์ใช้
ส่วนถ้าเป็นมหาวิทยาลัยเมืองนอก บางทีก็ไม่ใช้
แต่ถ้าเป็น U Top ใช้เกือบหมดเลยค่ะ
เราจะแบ่งส่วน Writing ออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.essay
2.multiply chioces
เริ่มต้นกันที่ essay
คนที่ได้เต็ม 2400 คะแนนบอกว่า เป็นพาร์ทที่ฝึกกันได้ ฉะนั้น เรามาเริ่มฝึกกันดีกว่า
1.เขียนให้เต็ม
เราต้องพยายามเขียนให้เต็ม 2 หน้าค่ะ
ทุกบรรทัดค่ะ
(แต่ทริคคือเขียนตัวโตหน่อยและห่างๆ บรรทัดหนึ่งเขียน 7-8 คำก็พอ)
2. ตอบคำถาม ตรงๆ ไม่ต้องลูกเล่นมาก เพราะคนอ่านเขาขี้เกียจอ่าน
3. หาตัวอย่าง หรือ body paragraph มา สนับสนุนให้ดี มีสาระ
อย่าลืมว่า SAT คือข้อสอบวัดเข้ามหาวิทยาลัย
ถ้าเราใช้ตัวอย่าง ที่ดูไม่เหมาะ เช่น ดาราที่ดูไม่ฉลาด หรือนักร้องที่เขาไม่รู้จักมาเขียน
อาจทำให้เสียคะแนนได้ง่ายๆ
-ถ้ารู้ตัวว่าเขียนไม่เก่ง ให้เขียนด้วย 5 ย่อหน้า 1 บทนำ 3 ตัวอย่าง และ 1 สรุป อย่าลืมเขียน Thesis หรือหัวข้อบทความไว้ทุกย่อหน้าด้วยนะ
-ตัวอย่างถ้าจะเอาเป็นเรื่องราวส่วนตัว เมคขึ้นเองก็ได้ แต่ทำให้เนียนนะ
– ถ้าให้ดีก็ใช้ตัวอย่างจากเรื่องดังๆ ในอดีต เช่นความขยัน/พยายามของโทมัส เอดิสัน(คนประดิษฐ์หลอดไฟ) หรืออย่างเรา จะใช้ 4 อย่างหลักๆ ที่บิดตามหัวข้อเรียงความที่เปลี่ยนไปก็คือ
*โรมิโอกับจูเลียต
*โทมัส เอดิสัน
*เจเค โรลิ่งค์
*ภูฐาน (เตรียมไปแต่ไม่ได้ใช้จ้ะ)
4.ใช้บุคคลที่ 3 เช่น One person people
อย่าใช้ I เพราะเรากำลังเขียน Academic essay ไม่ใช่ Diary
5.สุดท้าย เขียนทุกวัน
หัวข้อจะอยู่ในหนังสือของ SAT เยอะมากๆ
หรือลอง Search หาคำว่า SAT essay Topic ก็มีขึ้นมา
ส่วนพาร์ทตัวเลือก แบ่งเป็น 3. อันคือ
1. แก้ประโยค
2.หา Error
3.แก้บทความ
เทคนิกคือ
1.ให้เชคทุกข้อที่ตอบ E-no error ทุกครั้ง
2. อ่านออกเสียงดังๆในหัว
3.ฝึกเยอะ ท่องกฏแกรมม่าเยอะๆ คนไทยไม่ค่อยมีปัญหา
ส่วนมากก็ได้คะแนนพอๆ กับฝรั่ง หรือไม่ก็มากกว่าด้วยซ้ำ
ถ้าทำ essay ดีๆ นะ
มาว่ากันต่้อ เรื่องหนังสือ
คนที่ได้ 2400 คะแนนเต็มบอกว่า ถ้าเราอยากได้คะแนนสูงก็ทำแบบฝึกเยอะๆ (ขอบคุณ….ถ้านางจะบอกแค่นี้)
ส่วนเรื่องเรียนพิเศษ
2400 บอกว่า ถ้าเรามีความขยันมากพอ ไม่ต้องลงคอร์ส
แต่ถ้าต้องการสิ่งจูงใจก็ลงไป เพราะมันแพง
เราก็จะเสียดาย ตั้งใจอ่านหนังสือให้คุ้ม
สำหรับนาง นางบอกว่า เธอได้ 2000 เพราะ prep class
สว่นอีก 400 คะแนนที่เหลือ เธอทำเอง
อันนี้เราว่าจริงค่ะ เราเพิ่ม 200 คะแนน เพราะ prep class
ส่วนอีก 200 กว่าคะแนน ฝึกเองจ้า
ของเล่นสำหรับฝึก SAT
Freerice
เป็นเว็บค่ะ ดีมาก มีคำศัพท์ให้ทาย สนุกดี ได้ทำบุญด้วย
เพราะเขาจะบริจาคข้าวให้พวกคนยากจน (ไม่รู้ว่าบริจาคจริงหรือเปล่า หรือหลอกเราเล่น)
แต่ก็เล่นไปเหอะ อย่างน้อยก็ได้คำศัพท์เนอะ
เราเองเล่นไปเล่นมา บริจาคข้าวไปเป็นหมื่นแล้วเหมือนกัน
Sample Essay
ไปหาตัวอย่าง essay มาดู ว่าควรเขียนแนวไหน อะไรยังไง
ตัวอย่าง essay ของคุณ 2400
Question: The first problem for all of us is not to learn but to unlearn. We hold on to ideas that were accepted in the past, and we are afraid to give them up. Preconceptions about what is right or wrong, true or false, good or bad are embedded so deeply in our thinking that we honestly may not know that they are there. Whether it’s women’s role in society or the role of our country in the world, the old assumptions just don’t work anymore. Adapted from Gloria Steinem, “A New Egalitarian Lifestyle”Assignment: Do people need to “unlearn,” or reject, many of their assumptions and ideas? Plan and write an essay in which you develop your point of view on this issue. Support your position with reasoning and examples taken from your reading, studies, experience, or observations.Throughout the long journey in which we know as life, one strives to grow with knowledge, and ultimately use that knowledge to enhance and improve their prospective in the world. It is truly a necessity of the educated mind to think and then doubt, and finally rethink. Many times one would need to reject, or “unlearn” what they knew from the past, and realize something new for the future. One can see that, this method of learn to unlearn can be show through the study of American history, the manifestation of the “hero’s journey” in classical stories, and perhaps most of all, our interaction with other people in society.Ever since we were in grade school, misconceptions (or at least they are from today’s perspective) have been embedded in our minds. The great forefathers of our country were seen as great and god-like figures. Lincoln was the greatest advocate for emancipation, and our country’s government was the epitome of democracy. But after one has dived deep inside the past of American heritage, one realizes that Thomas Jefferson, John Adams, and other great politicians were just like the negatively viewed political today; they slandered opponents in elections and wrote pamphlets to get every advantage they could in order to win. Also, people often remember Abraham Lincoln as the one that freed the slaves and stood for equality. It is time he declared the Emancipation proclamation, but history tells us that the civil war was declared not for the freedom of the slaves, but for the unification of America. Lincoln wanted the slaves gone, just not in the North. Finally, America is seen as a great democracy, but in fact it is instead a republic, in which representativesSecondly, the hero’s journey show in great classical plays such as Gilgamesh, the Odyssey, and others exemplify the idea that new ideas most be accepted while old ones are forgotten. In the process the “hero” or protagonist goes through a journey in which he finally finds enlightenment from the darkness he has been living, and reaches grasp of new ideas and things. For example the arrogance of Gilgamesh ensued his downfall, and ultimately Gilgamesh realizes his whole life of the perception of his power was not as strong as he expected. Also Odysseus realizes the hubris he had possessed and changed his way of treating the gods, finally making way back to his kingdom.What perhaps is the largest example is that one sees in everyday life. As the adage goes, “you can’t tell a book by its cover”, just because one’s first impression of a fellow student, counselor, or acquaintance was negative, it does not mean the person is evil or unfriendly. Often in schools some kinds are teased for the way they look but when one really meets them, they are nice after all.As Gloria Steinem said, we often really do hold ideas that were accepted in the past, and are afraid to give them up but it is ultimately our responsibility to learn from the past, and then rethink, and progress into the future. That is the formula of life. |
บทส่งท้าย
เธอบอกว่า เทคนิกต่างๆ ช่วยเธอได้แค่ 5 เปอร์เซนต์เท่านั้น ที่เหลือ 95 คือการฝึกฝน
2400 คือทั้งความสามารถและโชค
2400 ไม่ใช่เรื่องยากแต่เป็นเส้นทางที่ยาวนาน และต้องอดทนที่จะเดินผ่าน
SAT ไม่ใช่จุดตัดสินของอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่เลย เป็นแค่แบบฝึกหัด บททดสอบให้เราก้าวต่อไป